รามเกียรติ์ปฐมบท : ตอนที่ 6 นารายณ์ปราบนนทก


ท้าวลัสเตียนครองกรุงลงกาเรื่อยมา มเหสีสี่องค์ก็ตั้งครรภ์และคลอดออกมาเป็นกุมารทั้งหมด
    นางสุมณฑา (สุนันทา) คลอดบุตรชายออกมาตั้งชื่อว่า “กุเปรัน”
    นางจิตรมาลี คลอดบุตรชายออกมาตั้งชื่อว่า “เทพนาสูร”
    นางสุวรรณมาลัย คลอดบุตรชายออกมาตั้งชื่อว่า “อัครธาดา”
    นางวรประไพ (ประไพ) คลอดบุตรชายออกมาตั้งชื่อว่า “มารัน”
    เว้นแต่เพียงนางรัชดาเท่านั้น ที่ยังไม่มีบุตร


               ยังมีอสูรเทวบุตร ชื่อว่า “นนทก” ทำหน้าที่ล้างเท้าเทวดาที่จะเข้าเฝ้าพระอิศวรที่บันไดเชิงเขาไกรลาส มาช้านาน เหล่าบรรดาเทวดาที่มาเข้าเฝ้าพระอิศวร มักจะหยอกล้อนนทกอยู่เป็นประจำ  ไม่ว่าจะตบหัวถอนผม เมื่อถูกเทวแกล้งถอนผมทุกวี่วัน  นานเข้าก็หัวล้าน เวลาใดที่นนทกส่องดูเงาตัวเองในอ่างน้ำล้างท้ำก็นึกเสียใจ และคับแค้นใจนัก ที่เทวดามาดูหมิ่นความเป็นชายด้วยการตบหัวถอนผม แล้วสักวันจะล้างแค้นให้จงได้ คิดแล้วจึงไปเข้าเฝ้าพระอิศวรเพื่อขอพร
               เมื่อถึงไกรลาสก็รำพึงรำพันต่อหน้าพระอิศวรว่าตนนั้นรับใช้พระอิศวรด้วยการล้างเท้าเทวดาอยู่เขาไกรลาสนี้ด้วยความสุจริตมาแสนโกฏิปี (โกฏิ เท่ากับสิบล้าน) แล้วก็ร่ำไห้ต่างๆ นานา แล้วทูลขอพรจากพระอิศวร ฝ่ายพระอิศวรเห็น นนทกร่ำร้องโศกา ก็เกิดความเมตตาสงสาร จึงถามนนทกว่าอยากได้พรอันได  นนทกจึงกราบทูลไปว่า ขอให้นิ้วชี้ของข้านี้เป็นนิ้วเพชร มีฤทธิ์เดชชี้ผู้ใดผู้นั้นจะตายในทันที แล้วตนจะรับใช้พระอิศวรไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ พระอิศวรเห็นว่านนทกทำงานอย่างสุจริตมาช้านาน จึงประทานพรให้นิ้วเพชรแก่นนทกไปตามที่ต้องการ เมื่อได้รับพรแล้วก็กลับมาทำหน้าที่ล้างเท้าเทวดายังเขาไกรลาสเช่นเดิม
               เมื่อกลับมาถึงเชิงเขาไกรลาสก็มานั่งรออยู่ริมอ่างน้ำใหญ่ด้วยใจกำเริบ ว่าตนเองได้รับพรแต่พระอิศวรมาแล้วมิต้องยำเกรงผู้ใดอีกต่อไป ฝ่ายเทวดา พญาครุฑ มาเข้าเฝ้าพระอิศวรก็เข้าล้างเท้าพลางหยอกล้อนนทกเล่นอย่างที่เคยทำทุกครั้ง ครานี้นนทกกลับโกรธแล้วตวาดออกไป ว่าทำไมมาแกล้งกันทุกวัน  แกล้งจนตนนั้นไม่เหลือผมสักเส้นให้ติดหัว ด้วยความโกรธจึงชี้นิ้วเพชรที่ได้พรมานั้นออกไป ชี้ไปถูกเหล่าเทวดา พญาครุฑ พญานาค  ผู้ใดโดนชี้ก็ตายในทันที
               ฝ่ายท้าวสหัสนัยน์ (พระอินทร์) เห็นเหตุการณ์ว่านนทกได้รับพรมีนิ้วเพชร ชี้เทวดาตายไปจำนวนมาก ก็เข้าเฝ้ากราบทูลเรื่องให้พระอิศวรทราบ พระอิศวรจึงมีบัญชาให้ไปเชิญพระนารายณ์มาปราบนนทกผู้นี้เสีย เพื่อความสงบสุขของสวรรค์ เมื่อได้รับคำสั่งพระนารายณ์ก็แปลงกายมาเป็นเทพ อัปสรสววรค์ เหาะไปใกล้ๆ ยังสถานที่ที่นนทกจะเดินผ่านมา เมื่อเห็นนนทกเดินมาก็ทำเป็นเดินเข้าไปให้นนทกเห็น เมื่อนนทกเห็นเทพอัพสรสวรรค์รูปโฉมงดงามอ้อนแอ้นก็หลงรัก จึงเข้าไปซักถาม
               ฝ่ายอัปสรสวรรณ์ร่างแปลงของพระนารายณ์ ก็ตอบไปว่า “นนทกเจ้าบังอาจนัก กล้ามาทักทายพูดจากับเรา "สุวรรณอัปสร"  ผู้เป็นนางฟ้อนจับระบำรับใช้ขององค์พระอิศวร ” นนทกจึงเข้าไปพูดจาเกี้ยวพาราสี นางสุวรรณอัปสรจึงออกอุบายล่อลวงว่าเราเป็นนางรำ ถ้าจะมีไมตรีจิตต่อกันก็ลองรำตามก็แล้วกัน ด้วยความหลงรัก นนทกจึงตอบไปว่าเจ้ารำให้ครบกระบวนท่าเถิด ตัวพี่จะรำตามเจ้าไปเอง  แล้วนางสุวรรณอัปสร ซึ่งเป็นพระนารายณ์แปลงมาก็เรื่อมร่ายรำโดยมีนนทกรำตาม



               “เทพนมปฐมพรหมสี่หน้า      สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน
ทั้งกวางเดินดงหงส์บิน           กินรินเลียบถํ้าอำไพ
อีกช้านางนอนภมรเคล้า        ทั้งแขกเต้าผาลาเพียงไหล่
เมขลาโยนแก้วแววไว            มยุเรศฟ้อนในอัมพร
ลมพัดยอดตองพรหมนิมิต     ทั้งพิสมัยเรียงหมอน
ย้ายท่ามัจฉาชมสาคร            พระสี่กรขว้างจักรฤทธิรงค์”  (เป็นชื่อท่ารำต้นแบบของการรำไทย)

นนทกร่ายรำตามนางอัปสรไปเรื่อยๆ ทุกท่าทุกตอนจนถึงท่าที่เรียกว่า “นาคาม้วนหาง” ที่ต้องจีบนิ้วแล้วชี้ไปที่ขา เมื่อนนทกเผลอรำตามก็ใช้นิ้วเพชรชี้ไปที่ขาตัวเอง ด้วยพรศักดิ์สิทธิ์ของนิ้วเพชร  นนทกจึงขาหักล้มลงทันที ส่วนนางสุววรณอัปสรก็กลับกลายร่างเป็นพระนารายณ์เหยียบหน้าอกนนทกไว้พร้อมที่จะสังหาร
               เมื่อนนทกเห็นว่านางอัปสรนั้นคือพระนารายณ์  ด้วยความโกรธจึงเอ่ยปากถามไปว่า “ตัวข้าทำผิดเรื่องอะไรท่านถึงมาทำร้ายกันเช่นนี้” 
               พระนารายณ์จึงตอบไป ว่า
“ความผิดที่ใช้นิ้วเพชรฆ่าเทวดาครั้งนี้ของเจ้าถึงตาย ตัวเรานั้นก็เมตตาเจ้า อยากจะไว้ชีวิต แต่เป็นบัญชาของพระอิศวร เราเองก็มีอาจขัดได้ จำต้องสังหารเจ้าในบัดนี้”
นนทกได้ฟังดังนั้นก็ตอบไปว่า
“การจะปราบเรานั้นทำไมไม่ทำเสียซึ่งหน้า ไม่อายหรือที่แปลงเป็นสตรีมาทำมารยา หรือว่าเกรงกลัวนิ้วเพชรนี้ จะชี้พระองค์ให้บรรลัย (ตาย) ตัวข้านั้นมีแต่สองมือ ที่ไหนหรือจะสู้ผู้มีสี่มืออย่างพระองค์ได้ ทำไมถึงต้องทำเรื่องน่าอายอย่างนี้”
พระนารายณ์ได้ฟังก็ตอบกลับไป
“ ที่กูแปลงมาเป็นสตรีนี้ หาได้กลัวนิ้วเพชรของมึงไม่ แต่ตัวมึงนั้นเองต่างหากเล่า ที่จะต้องตายฉิบหายด้วยความหลงใหลใน สเน่ห์ของอิสสตรี  (อิด-สัด-ตรี  ผู้หญิง) ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์ (สองมือ) จงไปอุบัติ (เกิด) เอาชาติใหม่ให้มีสิบหัวสิบหน้า เหาะเหินเดินได้ในอากาศ มียี่สิบมือถืออาวุธธนูศร แต่ตัวกูจะไปเกิดเป็นมนุษย์มีสองกร (มือ) แล้วจะตามไปราญรอนเข่นฆ่ามึงให้จงได้” แล้วก็เงื้อตรีศูลตัดหัวนนทกขาดกระเด็นไป เสร็จกิจแห่งการปราบนนทก พระนารายณ์ก็เสด็จกับไปประทับที่เกษียรสมุทร (ทะเลน้ำนม กลางมหาสมุทร) ตามเดิม
ฝ่ายนางรัชดาเทวี ที่ยังไม่มีลูกก็ตั้งครรภ์ขึ้นมาหลังจากนั้น ด้วยเหตุว่าอสูรเทวบุตรนนทกมาจุติ (ตาย จากสวรรค์ แล้วมาเกิด)ในครรภ์ของนางรัชดาเทวี 

จบไว้แค่นี้ก่อนนะ แล้วเจอกันตอนใหม่