รามเกียรติ์ปฐมบท :ตอนที่ 3 สหบดีพรหมสร้างกรุงพิชัยลงกา
เมื่อฝ่ายพระศิวะมีบัญชาให้พระอินทร์สร้างกรุงศรีอยุธยาเรียบร้อยแล้ว
ทางฝ่ายท้าวสหบดีพรหม (ส-ห-บ-ดี-พรม : พระพรหม) ก็คิดถึงท้าวสหมลิวัน (ส-ห-ม-ลิ-วัน)
ซึ่งมีเชื้อสายพรหมผู้ครองรังกาทวีป (เกาะรังกา) แต่เกิดบาดหมางรบกับพระนารายณ์พ่ายแพ้จึงจำต้องหนีไปอยู่ที่เมืองบาดาล
ทำให้รังกาทวีปขาดคนปกครองกลายเป็นเมืองร้าง ท้าวสหบดีพรหมเกรงว่าจะไม่มีผู้สืบเชื้อสายพรหมในโลกมนุษย์
จึงคิดสร้างเมืองขึ้นมาใหม่บนรังกาทวีปและจะเชิญท้าวธาดาพรหมไปปกครอง แล้วสั่งท้าวอัชดาพรหม
(อัด-ช-ดา-พรม) ให้เตรียมเกณฑ์ไพร่พลเหล่าพรหมทั้งหลายไปสร้างเมืองที่เกาะรังกา
ฝ่ายองค์สหบดีพรหมสั่งเสร็จก็เสด็จเข้าไปสรงน้ำแต่งองค์ทรงเครื่องงดงาม
ฝ่ายอัชดาพรหมก็ออกมาเตรียมไพร่พลพรหมรอท้าวสหบดีพรหมเสด็จ
เมื่อแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยงดงามแล้วก็ขึ้นทรงพญาหงส์ทอง
บินมุ่งหน้าไปยังรังกาทวีป เมื่อมาถึงก็มองเห็นภูเขา “นิลกาลาสิงขร”
ตั้งอยู่กลางทวีป เป็นภูเขาสูงเยี่ยมเทียมเมฆสีดำสนิท สูงกว่าบรรดาภูเขาทั้งปวง
บนยอดเขานั้นมีรังกามหากายสิทธิ์ จึงเห็นว่าเป็นชัยภูมิที่ดีในการตั้งพระนคร จึงมีบัญชาสั่งให้พระวิษณุพรหม
ไปเนรมิตมหานครขึ้นไว้ตรงนั้น
เมื่อวิษณุพรหมได้รับคำสั่งก็ออกมาเนรมิตมหานครขนาดใหญ่ มีมหาปราสาทสามองค์
แต่ลงค์มียอดพรหมพักตร์ห้ายอดสูงใหญ่งดงามดั่งวิมานบนสวรรค์
แล้วก็ให้มหาสุทรใหญ่นั้นเป็นปราการป้องกันเมือง ให้ปลาและเหรา (จระเข้)และสัตว์น้ำคอยดูแลใต้น้ำ
แล้วให้ยักษ์ผีเสื้อ (ไม่รู้ว่าใช่ตัวเดียวกับผีเสื้อสมุทรในพระอภัยมณีมั้ย
แต่คำว่า ยักษีผีเสื้อ น่าจะมาจากยักษ์ที่เป็นเสื้อเมือง
ตามความเชื่อเรื่องแต่ละเมืองต้องมีพระเสื้อเมืองพระทรงเมืองคอยปกปักรักษาเมือง
ยักษีผีเสื้อก็เหมือนกับพระเสื้อเมืองนั่นเอง) เป็นยักษ์ที่คอยดูแลป้องกันเมืองเหนือผิวน้ำ
สั่งให้ยักษ์ฤทธิกัน คุมทหารยักษ์จำนวนแสนโกฏิ (หนึ่งโกฏิ เท่ากับ สิบล้าน แสนโกฏิก็เอา แสน คูณกับ สิบล้าน ดู) ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยทางอากาศให้พระนคร
![]() |
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
เมื่อเนรมิตเสร็จท้าวสหบดีพรหมก็ตั้งนามให้ว่า
“พิชัยลงกา” แล้วก็นำเอาอสูรยักษ์จากเนินเขาอัสสกัณฑ์ (อัด-ส-กัน)
อีกจำนวนแสนโกฏิมาเป็นเหล่าเสนายักษ์ในกรุงลงกา
จากนั้นก็อัญเชิญท้าวธาดาพรหมขึ้นเป้นกษัตริย์ครองกรุงพิชัยลงกา นามว่า “ท้าวจตุรพักตร์”
(แปลว่า ผู้มีสี่หน้า เนื่องจากเป็นเชื้อสายพรหม) แล้วจึงให้นาง “มลิกา”เป็นมเหสีและให้นางยักษ์อีกหกหมื่นตน
ให้เป็นสนม จากนั้นก็ประทานอาวุธวิเศษเอาไว้รักษาพระนคร
ได้แก่ ตรีศูล คทา และฉัตรแก้วโมลี พร้อมบอกมนต์วิเศษวิธีใช้ให้ และบอกว่าเมื่อใดมีข้าศึกประชิดเมืองให้กางฉัตรแก้วขึ้นกลางกรุงลงกา ฉัตรนี้จะบดบังแสงพระอาทิตย์ ท้องฟ้ามืดมิดเหล่าบรรดาข้าศึกจะมองไม่เห็นกรุงลงกา
แต่ฝ่ายผู้ที่อยู่ในกรุงลงกาจะมองเห็นข้าศึกทั้งหมดสิ้น
ฉัตรแก้ววิเศษนี่จะเป็นที่กลัวเกรงทั้งอินทร์ทั้งพรหม เมื่อประทานพระเวทและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้แก่กรุงพิชัยลงกาเรียบร้อยแล้ว
ท้าวสหบดีพรหมก็ขึ้นทรงพญาหงส์ทองบ่ายหน้ากลับสู่สวรรค์
ท้าวจตุรพักตร์
(ธาดาพรหม) และนางมลิกาก็ครองกรุงพิชัยลงกาสืบมา
จนนางมัลลิกาตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายออกมาเป็นอสูร (ยักษ์) มีสี่กร (สี่มือ)
แล้วตั้งชื่อให้ว่า “ลัสเตียน” มีฤทธิ์เดชลือไปทั่วทั้งสามโลก ข้างฝั่งท้าวอโนมาตันแห่งกรุงศรีอยุธยา
ครองราชย์มาได้หมื่นปีก็มีบตรชายกับนางมณีเกสร ตั้งชื่อว่า “อัชบาล”
จากนั้นท้าวอโนมาตันก็เวนพระราชสมบัติกรุงศรีอยุธยาให้โอรส ขึ้นเป็น “ท้าวอัชบาล”
จากนั้นท้าวอโนมาตันก็สวรรคต
นี่เป็นจุดกำเนิดของเผ่าพงศ์วงศ์วารยักษ์
ท้าวธาดาพรหมและนางมลิกาจึงเป็นต้นตระกูลของทศกัณฐ์